วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วิธีดื่มนำ้ให้ถูกวิธี

วิธีดื่มนำ้ให้ถูกวิธี


โดยปกติเราควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว ประมาณ 2 ลิตร หรือคิดตาม น้ำหนักตัวคูณด้วย 33 เช่น คุณน้ำหนัก 60 kg นั้นคือ 60 X 33 = 1,980 ซีซี หรือประมาณ 2 ลิตร   แต่ที่จริงแล้วเวลาและปริมาณในการดื่ม หรือความถี่ของการดื่มเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน การดื่มน้ำที่ฉลาดถูกวิธีและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรามากที่สุดมีสูตรดังนี้

1.ควรดื่มน้ำเปล่าที่สะอาด หรือต้มสุก ไม่ร้อนไม่เย็นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่อาจดื่มน้ำอุ่นๆเมื่อรู้สึกหนาวหรือไม่สบาย
2.การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว หมายถึงประมาณน้ำที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งอาจได้จาก การรับประทานผลไม้ที่มีน้ำมาก หรืออาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมาก
3.เมื่อรู้สึกกระหายน้ำ ควรดื่มน้ำทันที ไม่ควรดื่มเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้จุกหรืออาจตายได้ในกรณีที่เหนื่อยจัด ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้ระบบไตและระบบย่อยอาหารทำงานหนัก รวมทั้งอาจทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะปัสสะวะอักเสบได้อีกด้วย ยกเว้นในช่วงเวลาเพิ่งตื่นนอน หรือดื่มเพื่อบำบัด
4.วันที่ต้องกินอาหารที่มีรสจัดมาก ไม่วา เค็ม เผ็ด เปรียว หรือมัน โดยเฉพาะขนมกรุบกรอบ ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพิ่มชึ้นกว่าปรกติ
5.การดื่มน้ำเย็นบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่อากาศเย็นจัดทำให้ระบบของรางกายต้องทำงานหนักเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำเย็นให้เท่ากับอุณหภูมิของร่างกาย และส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ การย่อยอาหารไม่ดีเท่าที่ควร ปวดประจำเดือน
6.ถ้าต้องการดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด ควรดื่ม หลังจากเพิ่งตื่นนอน จากนั้น ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงและหลังอาหาร 1 ชั่วโมงในแต่ละมื้อ สุดท้าย ก่อนนอน 1 ชั่วโมง
7. ไม่ควรดื่มน้ำมากกว่าครึ่งแก้ว ก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที่ และภายใน 45 นาที หลังรับประทานอาหาร  เพราะระบบย่อยอาหารต้องทำงานหนัก ต้องผลิตน้ำย่อยออกมามากกว่าปรกติ ดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่

ประโยช์นของการดื่มน้ำ

ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายพร้อมที่จะทำงาน มีการกระตุ้นระบบต่างๆ
ผิวสวยสุขภาพผิวดี เเต่งตึงเป็นสีชมพู เนื่องจากไปกระตุ้นการไหลเวียดของเหลือด
ปากลิ้นสะอาด ตาใสเป็นประกาย
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเรื่องโรดกระเพาะ และกรดไหลย้อน
ช่วยลดความร้อนในร่างกายแก้ร้อนใน
การขับถ่ายดีท้องไม่ผูก
ทำให้สมาธิดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง ลดอาการปวดศรีษะ หรือไมเกรน

วิธีทำให้คุณหันมาดื่มน้ำมากขึ้น

1.ฝึกดื่มน้ำให้เป็นนิสัย พยายามดื่มน้ำทุกเช้าหลังตื่นนอนให้เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะการดื่มน้ำตอนทุกเช้าจะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกอยากดื่มน้ำไปตลอดทั้งวัน
2.ผสมอย่างอื่นเพื่อให้น้ำมีรสชาติมากขึ้น เช่น หามะนาวมาบีบลงไปในน้ำเปล่าซักเล็กน้อยก่อนดื่มเพื่อช่วยเพิ่ม หรือผสมน้ำหวาน  หรือดื่มน้ำผลไม้แทน แต่ไม่ควรหวานเกินไปเพราะอาจทำให้น้ำหนักคุณเพิ่มได้
3.มั่นตรวจปัสสวะให้ใสอยู่เสมอ หมั่นตรวจดูปัสสาวะของคุณหลังเสร็จธุระ เพื่อให้มั่นใจว่ามันยังใสหรือมีสีเหลื่องอ่อนอยู่เสมอ เพราะความใสนั้นเหมือนเป็นดัชนีวัดว่าร่างกายของคุณได้รับน้ำอย่างเพียงพอ แต่เมื่อไรก็ตามที่ปัสสาวะของคุณมีสีเหลืองเข้ม นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณกำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ
4.จินตนาการว่าคุณจะน่ารักขนาดไหน "ฉันไม่รู้ว่า การดื่มน้ำมาก ๆ จะมีผลโดยตรงอย่างไรต่อระบบการหมุนเวียนของ โลหิตและการมีสุขภาพผิวดี เปล่งปลั่ง แต่ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มน้ำ ตราบเท่าที่ฉันคิดว่าน้ำจะช่วยให้ฉันมีผิวที่ดี ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิง"
5.ร้อนนักก็ดื่มซะ เมื่อคุณกำลังอยู่ในอารมณ์ที่เดือดดาล ขอแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่น เพราะบางครั้งการเลือกเครื่องดื่มก็เป็นเรื่องของจิตวิทยา การที่คุณได้ถือเครื่องดื่มอุ่น ๆ ซักแก้วไว้ที่มืออาจช่วยให้คุณลดอารมณ์ เดือดดาลลงได้มากกว่าเครื่องดื่มปกติ ยิ่งกว่านั้น ในกาแฟและน้ำชายังมีสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มอัตราการกำจัดน้ำออกจากร่างกายของคุณในรูปของปัสสาวะ
6.ดื่มน้ำเมื่อคุณถูกความตะกละจู่โจม บางครั้งความรู้สึกหิวของคนเราก็เป็นความกระหายแบบหลอก ๆ หรือแค่รู้สึกตะกละเท่านั้น ดังนั้น คุณสามารถแก้อาการนี้ได้ด้วยการหาน้ำดื่มซัก 1- 2 แก้ว เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนได้กินอะไรรองท้อง
7.เริ่มปฏิบัติจากขั้นตอนง่าย ๆ อย่าคาดหวังว่าคุณจะสามารถเปลี่ยน พฤติกรรมการดื่มน้ำได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ คือจากคนที่ไม่ดื่มน้ำเลยมาดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แต่คุณควรเริ่มจากการดื่มน้ำ 1 แก้วในตอนเช้าของวัน ตามด้วยการดื่มน้ำอีก 1 แก้วก่อนนอนจนเป็นนิสัย จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มปริมาณการดื่มน้ำระหว่างวันให้มากขึ้น
8.หมั่นหาแก้วที่มีน้ำเต็มแก้ว 1 ใบมาวางไว้ข้างตัวคุณเสมอ ขณะคุณกำลังทำงาน เพราะมันจะทำให้คุณสะดวกต่อการหยิบขึ้นมาจิบไปเรื่อย ๆ ขณะทำงานโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องสุมหัวคิดงานกับเพื่อน ๆ หรือเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาหากคุณไม่ต้องการให้มือของคุณอยู่ว่าง

วิธีดื่มน้ำเพื่อบำบัด

ร่างกายของคนนั้นประกอบด้วยน้ำ 2 ใน 3 ของน้ำหนักตัว แสดงว่าน้ำมีความสำคัญต่อระบบต่างๆของร่างกายมาก โดยเฉพาะระบบการกรองของเสียของไต ซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างการ
วิธีดื่มน้ำเพื่อบำบัดโรคต่างๆ ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดี คือ ตื่นเช้าลุกขึ้นมา ยังไม่ล้างหน้า ไห้บ้วนด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำที่สะอาด 1 แก้ว แล้วดื่มน้ำสุกตามทันที 4 แก้ว (ประมาณโค้กขนาด1 ลิตร)  อาจรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดหรือยากจะอ้วกในช่วงแรก อาจค่อยๆเพิ่มปริมาณในการดื่มน้ำโดยเพิ่มจากปกติที่เคยดื่มอีก 1 แก้ว หลังจากนั้นเราจะรู้สึกว่าปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้น รู้สึกว่าร่างกายสดชื่น และสมองปลอดโปร่งขึ้น ช่วยให้ผิวหนังมีน้ำมีนวล สำหรับผู้หญิงที่รักความสวยงาม  ยังช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เนื้องจากช่วยลดความดันโลหิต หลังตื่นนอน
ทั้งหมดอยากให้ผู้อ่านลองปฎิบัติจะรู้ว่าการดื่มน้ำนั้นช่วยบำบัดโรคได้มากมาย กว่ารับประทานยา ซึ่งเป็นการรักษาปลายเหตุ ใครลองแล้วได้ผลดีอย่างไรสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตาม Comment ด้านล่าง




วิดีโอเกี่ยวกับการดื่มน้ำ
วิดีโอแนะนำการดื่มน้ำให้ถุกวิธี ซึ่งอาจแก้ไขอาการ ผิวหนังแห้ง

คำเตือน การดื่มน้ำควรค่อยๆ ดื่มไปตลอดวัน ไม่ควรดื่มรวบยอดในครั้งเดียว เพราะการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้เกิดอาการน้ำเป็นพิษ เนื่องจากเลือดเจือจาง และอาจทำให้เป็นตะคริว หรือกล้ามเนื้อเกร็งได้

ข้อมูล WWW.PRAPOT.COM

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กระติกเก็บ นำ้อุ่น นำ้ร้อน เพื่อเก็บน้ำอุ่นไว้ดื่ม น้ำอุ่นดีอย่างไร ประโยชน์การดื่มน้ำอุ่น


กระติกเก็บ น้ำอุ่น น้ำร้อน เพื่อเก็บน้ำอุ่นไว้ดื่ม น้ำอุ่นดีอย่างไร 

ประโยชน์การดื่มน้ำอุ่น


ทำไมต้องดื่มน้ำอุ่นดี น้ำอุ่นดีอย่างไร ประโยชน์การดื่มน้ำอุ่นดีอย่างไร?
ร่างกายดูดซึมน้ำอุ่นได้ง่ายกว่าน้ำเย็น เพราะน้ำอุ่นมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับร่างกาย (อุณหภูมิปกติของร่างกาย 37 องศาเซลเซียส) ถ้าเราดื่มน้ำอุ่นหรือจิบน้ำร้อนเข้าไป ร่างกายก็จะดูดซึมได้ทันที

การดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั้นอย่าไปกำหนดเพียงว่าวันนี้ต้องได้ปริมาณของน้ำ 10 แก้ว หรือ 20 แก้วแล้วพอ แต่ให้คำนึงถึงสภาพดินฟ้าอากาศที่แวดล้อมตัวเรา (กลางแดด/ถูกพัดลมเป่า) และกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวันด้วยเป็นเกณฑ์ (ออกกำลังกายเสียเหงื่อมากๆ) อย่างนี้น้ำ 10แก้วไม่พอแล้ว อาจจะต้องเพิ่มเป็น 14 ถึง 15 แก้ว เป็นต้น

มีวิธีสังเกตอย่างง่ายๆ ก็คือ ปัสสาวะมีสีใสเหมือนน้ำที่ดื่มเข้าไป แสดงว่าการดื่มน้ำในวันนั้นเพียงพอ แต่ถ้าปัสสาวะขุ่นคลั่กเหลืองอ๋อย หรือเป็นสีชาชงแก่ๆ ต้องดื่มน้ำเพิ่มเข้าไปอีกให้มากพอ

" คนที่ดื่มน้ำเป็น พอตื่นเช้าจะรีบดื่มน้ำอุ่นๆ 2 ถึง 3 แก้วทันที เพื่อให้ร่างกายสดชื่นเร็วที่สุด "

ก่อนรับประทานอาหารเช้าอาจจะดื่มน้ำอีกสักแก้วครึ่งแก้วก็ได้ แต่ไม่ควรมากกว่านั้น

ครั้นหลังรับประทานอาหารเสร็จให้ดื่มน้ำตามไปสัก 1 แก้วทันที ทิ้งช่วงอีกสักพักจึงดื่มน้ำตามเข้าไปอีก 1 ถึง 2 แก้ว กระเพาะอาหาร และ ลำไส้ ก็จะสามารถบีบย่อยอาหารได้ง่าย จึงทำให้เราไม่ง่วงไม่เพลีย

สำหรับคนที่ต้องเดินทางออกจากบ้านในตอนเช้า เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็ดื่มน้ำอีกกี่แล้วก็ดื่มได้ตามความพอใจ ไม่กระทบต่อระบบการย่อยอาหาร

ก่อนนอนก็เหมือนกัน ก่อนนอน 2 ชั่วโมงอย่าดื่มน้ำมาก ถ้าในระหว่าง 2 ชั่วโมงนี้ กระหายน้ำก็ดื่มเพียงเล็กน้อย มิฉะนั้นจะต้องลุกเข้าห้องน้ำในตอนดึกอีก

ยกเว้นในกรณีบุคคลที่ไม่สามารถดื่มน้ำได้มากเหมือนคนทั่วไป เช่น ผู้ป่วยเป็นโรคไต ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจขั้นร้ายแรง (หัวใจล้มเหลว หรือ หัวใจวาย) เป็นต้น (เกิดอาการบวม หรือ อาการเหนื่อยหอบ)